ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ท่องเว็บอย่างไรให้ปลอดภัย

Techcrunch ได้แนะนำวิธีการวิธีการท่องเว็บได้อย่างมั่นคงปลอดภัยและเป็นส่วนตัวซึ่งเราเห็นว่าเป็นเกร็ดความรู้เล็กน้อยที่มีประโยชน์จึงขอนำมาสรุปและส่งต่อให้ได้อ่านกัน
ใครรู้บ้างว่าเรากำลังใช้เว็บไหน? คำตอบคือ ISP หน่วยงานรัฐบาล แม้กระทั่ง Social Media หรือเครือข่ายโฆษณาก็สามารถติดตามการใช้งานของคุณได้ อย่างไรก็ตามข้อมูลของเราก็สำคัญเพราะมันสามารถบ่งบอกถึงนิสัยหรือปัญหาสุขภาพ แนวคิด ความเชื่อ ความชอบต่างๆ ที่เราใส่ลงไปในการค้นหา ดังนั้นเพื่อช่วยให้การใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างเป็นส่วนตัวและมั่นคงปลอดภัยผู้ใช้งานควรปฏิบัติดังนี้

1.ใช้งาน VPN เพื่อซ่อนตัวตนระหว่างทางแต่จงเลือกผู้ให้บริการที่น่าไว้ใจ

VPN สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องของ Censorship ได้คือในส่วนของ ISP และการสอดแนมระหว่างทางแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะปลอดภัยเพราะเป็นการย้ายทราฟฟิคของเราไปยัง VPN Provider แทน ดังนั้นปัญหาต่อไปคือเลือกผู้ให้บริการที่น่าไว้ใจไม่งั้นอาจจะโดนนำข้อมูลไปขายต่อกับเครือข่ายโฆษณาได้โดยเฉพาะ Free VPN ทั้งหลาย

2.ใช้ Secure DNS

Domain Name System จะคอยแมประหว่างชื่อโดเมนของเว็บไซต์และหมายเลขไอพี ดังนั้นหากส่วนนี้ไม่มั่นคงปลอดภัยก็จะมีคนรู้อยู่ดีว่าคุณใช้งานเว็บไหนบ้าง ซึ่งมีบริการ Secure DNS ที่ช่วยเข้ารหัสข้อมูล เช่น Cloudflare 1.1.1.1 ลองไปตั้งค่าใช้งานดู

3.เลือก HTTPS เสมอ

HTTPS เป็นการเข้ารหัสการเชื่อมต่อระหว่างคุณกับเว็บไซต์ ซึ่งแม้ว่าจำเป็นต้องใช้ Wi-Fi สาธารณะก็ยังช่วยไม่ให้ใครมาแอบดูได้ด้วย

4.รีวิวดู Web Plug-in ที่ติดตั้งบนบราวเซอร์

พยายามเข้าไปตรวจดู Plug-in ที่ไม่ได้ใช้แล้ว เช่น Java หรือ Flash ที่ปัจจุบันมี HTML5 มาทดแทนแล้ว หรือ Plug-in อื่นก็ต้องตรวจสอบให้ดีเพราะอาจะแฝงภัยอันตรายเข้ามาได้เช่นกัน

5.Plug-in ป้องกันการติดตาม

สำหรับประโยชน์ของ Plug-in บางตัวก็ดีเหมือนกัน เช่น Ad-blocker คือ Plug-in ประเภทที่ช่วยบล็อกโฆษณาบนเว็บซึ่งเราสามารถเลือกยกเว้นบางเว็บก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ยังช่วยให้โหลดหน้าเพจได้เร็วขึ้นด้วยเพราะไม่ติดโฆษณา หรือ Cross-site Tracker Blocker คือ Plug-in ที่ช่วยไม่ให้มีการติดตามการใช้งานของคุณข้ามเว็บไซต์

6.Tor เพื่อ Anonymity

ถ้าคุณต้องการไม่ให้ใครรู้ได้ว่ากำลังทำอะไรคำตอบที่เหมาะคือ Tor โดยเบื้องล่างหรือโครงข่าย Relay Server จำนวนมากที่จะคอยจัดการทราฟฟิคของคุณไม่ให้สาวกลับมาได้ง่ายๆ สำหรับผู้สนใจ TorBrowser สามารถเข้าไปหาได้ที่นี่ อย่างไรก็ตาม Tor ไม่ได้มั่นคงปลอดภัย 100% เพราะหลายครั้งก็มีบั๊กที่สามารถเผยถึงตัวตนของผู้ใช้ซึ่งแนะนำว่าให้อัปเดตแพตช์สม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามอย่าหวังพึ่ง Tor กับการใช้งานประเภทวีดีโอหรืองานที่ต้องการแบนวิดธ์สูงๆ เพราะอาจจะช้าได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีใช้ Google Form ส่งข้อความเข้า LINE Notify

วิธีใช้ Google Form ส่งข้อความเข้า LINE Notify           ขั้นตอนต่อไปนี้จะข้ามส่วนของรายละเอียดบางอย่างไป ซึ่งก่อนจะทำตรงนี้ควรจะรู้แล้วว่า LINE Notify ใช้ทำอะไร และ Access Token จะเอามาจากไหน แต่จะพยายามอธิบายให้ครอบคลุมที่สุดก็แล้วกัน Update: 2019/06/10 ในท้ายบทความได้เพิ่มคำอธิบายเรื่องการส่งข้อมูลหลายกล่องข้อมูล (คอลั่ม) พร้อมกับ code ที่วนลูปข้อมูลทุกกล่อง เพื่อความสะดวกในการส่งข้อมูลในรูปแบบเดิม สร้าง Google Form วิธีสร้างก็ง่ายแสนง่าย เข้าไปที่  https://docs.google.com/forms  จากนั้น คลิกตรงเครื่องหมาย + ตามภาพ จะได้ form หน้าตาแบบนี้มา แก้ไขตามสะดวกเลย ตัวอย่างเอาแบบนี้แล้วกัน จะลองส่งข้อความคลิกที่รูป “ตา” พิมพ์ข้อความอะไรก็ได้ แล้ว กด Submit โลด กลับไปหน้า Form ของเราใน tab แรก มันก็จะมี RESPONSES เข้ามา เมื่อคลิกดูก็จะพบข้อความที่เราเพิ่งพิมพ์ไปเมื่อตะกี้ ใส่ code ใน Script Editor คลิกที่ จุด 3 จุด ด้านขวาบน แล้วเลือก  <> Script Editor จะพบหน้าเปล่าๆ ที่ไม่คุ้นเคย ตรงนี้แหละที่เราจะมาใส่ code ใ...

คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint)

คาร์บอนฟุตพริ้นท์ ( Carbon Footprint) คาร์บอนฟุตพริ้นท์ ( Carbon Footprint) คืออะไร ในภาวะโลกร้อนที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งสาเหตุที่สำคัญคงหนึไม่พ้นเกิดจากกิจกรรมต่างของมนุษย์เรานั่นเอง ทั้งจากการใช้พลังงาน การทำลายทรัพยากรธรรมชาติเช่น การตัดไม้ทำลายป่า การขนส่ง และการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม และในปัจจุบันเราจะพบว่าในหลาย ๆ ประเทศได้มีความตื่นตัวในเรื่องเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนกันมากขึ้น และสิ่งหนึ่งที่ให้ความสนใจก็คือ การที่จะร่วมมือกันผลิตและบริโภคผลิตัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีทั้งการเชิญให้ผู้ผลิตได้เข้าร่วมโครงการเพื่อให้ได้รับเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันมาซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากแสดงข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์อีกด้วย คาร์บอนฟุตพริ้นท์ ( Carbon Footprint, CF) คือ การวัดผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ( Greenhouse Gases, GHGs) จากกระบวนการผลิตสินค้าตลอดวัฎจักรชีวิต ( Product Life Cycle) โดยเริ่มตั้งแต่ การจัดหาวัตถุดิบนำไปแปรรูป ผลิต จดจำหน่าย การใช้งาน และการจัดการหลังจากผลิ...

ทำความเข้าใจ LM, NTLM, NTLMv2

ทำความเข้าใจ LM, NTLM, NTLMv2  วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบการเก็บ password ของ Windows โดยแต่ก่อนจนถึงปัจจุบันก็มีพัฒนาการมาเรื่อยๆครับ ซึ่งจะเริ่มจาก LM (Lan Manager) hash โดย LM นั้นเป็นรูปแบบดั้งเดิมในการเก็บ password ของ Windows ตั้งแต่ยุค 1980 ซึ่งในช่วงนั้นยังมีจำนวน charset ที่ยังจำกัดอยู่(16-bits characters) ซึ่งทำให้การ crack password นั้นทำได้ง่ายมากโดยดึงจาก SAM database บน Windows หรือว่า NTDS บน Domain Controller (Active Directory) ได้เลย โดยขั้นตอนการเปลี่ยน password อยู่ในรูปแบบ LM hash คือ เปลี่ยนอักษรทั้งหมดเป็นตัวใหญ่ หากตัวอักษรไม่ครบ 14 ตัวอักษรก็จะเติมตัวอักษรทั้งหมดให้เต็มด้วย NULL characters แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 7 ตัวอักษร สร้าง DES key จาก character 7 ตัวทั้ง 2 กลุ่ม ก็จะได้ DES key 2 ชุด (ชุดละ 64 bit) นำ DES key ไปเข้ารหัส static string “KGS!@#$%” ด้วย DES (ECB) นำ encrypted strings ทั้ง 2 อันมาต่อกัน ก็จะได้เป็น LM Hash เช่น สมมติ password เป็น password password => password000000 PASSWORD000000 PASSWOR...